วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อโรมาเทอราปี (Aromatherapy)

"อโรมาเทอราปี (Aromatherapy)" หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่า "สุคนธบำบัด" มีรากฐานมาจากคำสองคำคือ คำว่า "อโรมา หรือสุคนธา (Aroma)" ซึ่งแปลว่า "กลิ่นหอม" และมาจากคำว่า "เทอราปี (Therapy)" แปลว่า "การบำบัดรักษา" และเมื่อนำคำสองคำมารวมกันจึงมีความหมายว่า "การบำบัดรักษาเพื่อให้บรรเทาหรือทุเลาอาการต่าง ๆ ด้วยเครื่องหอม"

การนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ หรือที่เรียกกันว่า " อโรมาเทอราปี "การนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ หรือที่เรียกกันว่า " อโรมาเทอราปี "การนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ หรือที่เรียกกันว่า " อโรมาเทอราปี "





สภาพ สังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันเพื่อการประกอบอาชีพในด้านต่างๆ ทำให้ผู้คนปัจจุบันจำนวนมาก จึงต้องตกอยู่ในความเครียดและเมื่อสะสมนานๆ เข้าก็จะส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นมา เช่น อาการนอนไม่หลับ ปวดศีรษะ ปวดท้อง ระบบการย่อยอาหารไม่ดี โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และอื่นๆ อีกมากมาย
•โรค ภัยไข้เจ็บเหล่านี้ส่วนใหญ๋ก็จะเกิดกับผู้บริหารหรือผู้ที่ต้องทำงานนั่ง อยู่กับโต๊ะเป็นเวลานานๆ  และเมื่อเกิดเจ็บป่วยไม่สบายขึ้นมาแล้ว ก็มักจะใช้วิธีไปพบแพทย์ตามโรงพยาบาล หรือไปหาซื้อยามากินเอง อาการของโรคก็อาจจะทุเลาลงบ้าง  แต่เมื่อหยุดกินยาอาการกลับกำเริบขึ้นมาอีกซึ่งแน่นอนว่า  อาการเหล่านี้ไม่มีทางรักษาให้หายได้ หากไม่แก้ที่ต้นเหตุซึ่งก็คือการผ่อนคลายไม่ให้ตัวเองต้องตกอยู่ในภาวะความ เครียด การทำจิตใจให้แจ่มใส การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

การนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ หรือที่เรียกกันว่า " อโรมาเทอราปี "

การนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ หรือที่เรียกกันว่า " อโรมาเทอราปี " หรือเรียกกันในภาษาไทยว่า "สุคนธบำบัด " นั้น ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ทั้งในและต่างประเทศมานานแล้ว ซึ่ง สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป ตามศูนย์สุขภาพที่ตั้งเป็นโครงการเดี่ยว ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโรงแรม ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาล ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ และศูนย์สุขภาพกึ่งรีสอร์ท
สาเหตุ ที่การรักษาสุขภาพแนวนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก ในขณะนี้ก็เพราะเป็นการรักษาสุขภาพแบบใหม่ที่จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย โดยไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย เหมือนกับการใช้สารเคมีโดยทั่วไปนั่นเอง
เครื่อง หอมที่มีประสิทธิภาพดีมากนั้น สกัดมาจากธรรมชาติแท้ๆ ถึงแม้จะมีความพยายามนำสารสังเคราะห์เลียนแบบธรรมชาติมาใช้  แต่ก็ไม่สู้จะประสบความสำเร็จ เครื่องหอมส่วนใหญ่จะเน้นไปถึงน้ำมันหอมระเหย (Essential Oils) ซึ่งสกัดได้จากส่วนต่างๆของพืช ไม่ว่าจะเป็นดอก ใบ ราก ผล เปลือก หรือยาง
เมื่อย้อนถึงความเป็นมาของ อโรมาเทอราปี (Aromatheraphy) จากหลักฐานปรากฏว่า การบำบัดด้งยวิธีการนี้ ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2471 (ค.ศ. 1928) โดยนักเคมีชาวฝรั่งเศษคนหนึ่ง  จากการค้นพบคุณสมบัติฆ่าเชื้อของน้ำมัน ลาเวนเดอร์  ซึ่งเกิดขึ้นจากความบังเอญที่เขาทำไฟลวกมือในขณะทำการทดลอง และปัดขวดใส่น้ำมันลาเวนเดอร์ หกรดรอยแผลนั้น เขาพบว่าแผลที่มือหายเร็วและทิ้งรอยแผลเป็นไว้น้อยมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการตื่นตัวในเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อไม่นาน แต่การรักษาแบบ  อโรมาเทอราปี (Aromatherapy) นั้นมีมาเป็นเวลานาน 6,000 ปีแล้ว  กล่าวคือมีหลักฐานว่าชาวอรยิปต์มักจะใช้เครื่องหอมมากมายแล้วนำไปเผาเพื่อเป็นการบูชาเทพเจ้า
ชา วกรีกมีการใช้น้ำมันระเหยทั้งในการแพทย์และเครื่องสำอาง แพทย์ชาวกรีกได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยา  ซึ่งใช้เป็นหนังสืออ้างอิงมาตรฐานของโลกตะวันตกหลายตำรับที่เขากล่าวถึงยัง คงใช้ใน  อโรมาเทอราปี (Aromatherapy) ในปัจจุบัน
ชาว โรมันได้รับการถ่ายทอดความรู้ทางการแพทย์จากกรีกอย่างมาก  โดยเฉพาะการใช้เครื่องหอมในพิธีกรรมต่างๆ และยังมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน  โดยเฉพาะการประทินโฉมโดยการทาน้ำมันแล้วนวดหลังอาบน้ำอย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันหอมระเหยได้หายไปพร้อมกับการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน
นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้พืชที่มีกลิ่นหอมในถิ่นอื่นๆ  ของโลกอีกด้วย  เข่น ใน "ตำราอายุรเวท" ซึ่งเป็นตำราด้านการแพทย์แผนโบราณของอินเดีย
ชาว จีนก็เป็นอีกชนชาติหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากพืชหอมมาเกือบ 3,000 ปี ซึ่งมีหลักฐานระบุว่า ชาวจีนโบราณสามาถแยกสารหอมจากพืชได้มากกว่า 300 ชนิด เพื่อใช้ในการบูชาเทพเจ้า
หลัง การค้นพบของนักเคมีชาวฝรั่งเศษ ได้มีการนำน้ำมันลาเวนเดอร์ไปใช้ในการรักษา ทหารที่บาดเจ็บในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ฝรั่งเศสเป็นต้นกำเนิดของอโรมาเทอราปิสมัยใหม่
จาก นั้นได้มีผู้นำอโรมาเทอราปีเข้าไปแพร่หลายในประเทศอังกฤษและได้มีการพัฒนา ผสมผสานกับการนวด จนต่อมาได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมทั้งเมืองไทยของเราด้วย
ซึ่งในปัจจุบันในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาได้รับการยอมรับ อโรมาเทอราปี (Aromatherapy) ในฐานะที่เป็นการรักษาอีกรูปแบบหนึ่งโดยให้ผลการรักษาทั้งทางร่างกายและจิต ใจ  นอกจากนี้ยังพบว่าหลายประเทศในยุโรปต่างก็มี สถาบันสำหรับการสอนและฝึกอบรมด้านนี้ เช่น เยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส
•ในเมืองไทยเราเอง "อโรมาเทอราปี" (Aromatherapy) ก็มีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน  สำหรับผู้ที่สนใจจะดำเนินการธุรกิจสุขภาพ  หรือผู้ที่ดำเนินการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นศูนย์สุขภาพที่ตั้งเป็นโครงการเดี่ยว  ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโรมแรม  ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาล  ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ และศูนย์สุขภาพกึ่งรีสอร์ท ตลอดจนเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจน้ำมันหอมระเหย  และธุรกิจสกัดน้ำมันหอมระเหย  จึงน่าจะหันมาจับธุรกิจนี้อย่างจริงจง นอกจากจะเพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการแล้ว ยังจะช่วยยกระดับให้เมืองไทยของเรากลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจ อโรมาเทอราปี (Aromatherapy) ได้อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น