"อโรมาเทอราปี (Aromatherapy)" หรือที่เรียกกันในภาษาไทยว่า "สุคนธบำบัด" มีรากฐานมาจากคำสองคำคือ คำว่า "อโรมา หรือสุคนธา (Aroma)" ซึ่งแปลว่า "กลิ่นหอม" และมาจากคำว่า "เทอราปี (Therapy)" แปลว่า "การบำบัดรักษา" และเมื่อนำคำสองคำมารวมกันจึงมีความหมายว่า "การบำบัดรักษาเพื่อให้บรรเทาหรือทุเลาอาการต่าง ๆ ด้วยเครื่องหอม"
•สภาพ
สังคมที่เปลี่ยนแปลงไป การแข่งขันเพื่อการประกอบอาชีพในด้านต่างๆ
ทำให้ผู้คนปัจจุบันจำนวนมาก จึงต้องตกอยู่ในความเครียดและเมื่อสะสมนานๆ
เข้าก็จะส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บขึ้นมา เช่น อาการนอนไม่หลับ ปวดศีรษะ
ปวดท้อง ระบบการย่อยอาหารไม่ดี โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และอื่นๆ
อีกมากมาย
•โรค
ภัยไข้เจ็บเหล่านี้ส่วนใหญ๋ก็จะเกิดกับผู้บริหารหรือผู้ที่ต้องทำงานนั่ง
อยู่กับโต๊ะเป็นเวลานานๆ และเมื่อเกิดเจ็บป่วยไม่สบายขึ้นมาแล้ว
ก็มักจะใช้วิธีไปพบแพทย์ตามโรงพยาบาล หรือไปหาซื้อยามากินเอง
อาการของโรคก็อาจจะทุเลาลงบ้าง
แต่เมื่อหยุดกินยาอาการกลับกำเริบขึ้นมาอีกซึ่งแน่นอนว่า
อาการเหล่านี้ไม่มีทางรักษาให้หายได้
หากไม่แก้ที่ต้นเหตุซึ่งก็คือการผ่อนคลายไม่ให้ตัวเองต้องตกอยู่ในภาวะความ
เครียด การทำจิตใจให้แจ่มใส การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
►การนำน้ำมันหอมระเหยมาใช้ในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บเหล่านี้ หรือที่เรียกกันว่า " อโรมาเทอราปี " หรือเรียกกันในภาษาไทยว่า "สุคนธบำบัด " นั้น ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย ทั้งในและต่างประเทศมานานแล้ว ซึ่ง
สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป ตามศูนย์สุขภาพที่ตั้งเป็นโครงการเดี่ยว
ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโรงแรม ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาล
ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
และศูนย์สุขภาพกึ่งรีสอร์ท
สาเหตุ
ที่การรักษาสุขภาพแนวนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก
ในขณะนี้ก็เพราะเป็นการรักษาสุขภาพแบบใหม่ที่จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย
โดยไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย เหมือนกับการใช้สารเคมีโดยทั่วไปนั่นเอง
เครื่อง
หอมที่มีประสิทธิภาพดีมากนั้น สกัดมาจากธรรมชาติแท้ๆ
ถึงแม้จะมีความพยายามนำสารสังเคราะห์เลียนแบบธรรมชาติมาใช้
แต่ก็ไม่สู้จะประสบความสำเร็จ
เครื่องหอมส่วนใหญ่จะเน้นไปถึงน้ำมันหอมระเหย (Essential Oils)
ซึ่งสกัดได้จากส่วนต่างๆของพืช ไม่ว่าจะเป็นดอก ใบ ราก ผล เปลือก หรือยาง
เมื่อย้อนถึงความเป็นมาของ อโรมาเทอราปี (Aromatheraphy)
จากหลักฐานปรากฏว่า การบำบัดด้งยวิธีการนี้ ถูกนำมาใช้ครั้งแรกในปี พ.ศ.
2471 (ค.ศ. 1928) โดยนักเคมีชาวฝรั่งเศษคนหนึ่ง
จากการค้นพบคุณสมบัติฆ่าเชื้อของน้ำมัน ลาเวนเดอร์
ซึ่งเกิดขึ้นจากความบังเอญที่เขาทำไฟลวกมือในขณะทำการทดลอง
และปัดขวดใส่น้ำมันลาเวนเดอร์ หกรดรอยแผลนั้น
เขาพบว่าแผลที่มือหายเร็วและทิ้งรอยแผลเป็นไว้น้อยมาก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการตื่นตัวในเรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อไม่นาน แต่การรักษาแบบ อโรมาเทอราปี (Aromatherapy) นั้นมีมาเป็นเวลานาน 6,000 ปีแล้ว กล่าวคือมีหลักฐานว่าชาวอรยิปต์มักจะใช้เครื่องหอมมากมายแล้วนำไปเผาเพื่อเป็นการบูชาเทพเจ้า
ชา
วกรีกมีการใช้น้ำมันระเหยทั้งในการแพทย์และเครื่องสำอาง
แพทย์ชาวกรีกได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยา
ซึ่งใช้เป็นหนังสืออ้างอิงมาตรฐานของโลกตะวันตกหลายตำรับที่เขากล่าวถึงยัง
คงใช้ใน อโรมาเทอราปี (Aromatherapy) ในปัจจุบัน
ชาว
โรมันได้รับการถ่ายทอดความรู้ทางการแพทย์จากกรีกอย่างมาก
โดยเฉพาะการใช้เครื่องหอมในพิธีกรรมต่างๆ
และยังมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน
โดยเฉพาะการประทินโฉมโดยการทาน้ำมันแล้วนวดหลังอาบน้ำอย่างไรก็ตาม
การใช้น้ำมันหอมระเหยได้หายไปพร้อมกับการล่มสลายของอาณาจักรโรมัน
นอกจากนี้ยังพบว่ามีการใช้พืชที่มีกลิ่นหอมในถิ่นอื่นๆ ของโลกอีกด้วย เข่น ใน "ตำราอายุรเวท" ซึ่งเป็นตำราด้านการแพทย์แผนโบราณของอินเดีย
ชาว
จีนก็เป็นอีกชนชาติหนึ่งที่ใช้ประโยชน์จากพืชหอมมาเกือบ 3,000 ปี
ซึ่งมีหลักฐานระบุว่า ชาวจีนโบราณสามาถแยกสารหอมจากพืชได้มากกว่า 300 ชนิด
เพื่อใช้ในการบูชาเทพเจ้า
หลัง
การค้นพบของนักเคมีชาวฝรั่งเศษ ได้มีการนำน้ำมันลาเวนเดอร์ไปใช้ในการรักษา
ทหารที่บาดเจ็บในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ทำให้ฝรั่งเศสเป็นต้นกำเนิดของอโรมาเทอราปิสมัยใหม่
จาก
นั้นได้มีผู้นำอโรมาเทอราปีเข้าไปแพร่หลายในประเทศอังกฤษและได้มีการพัฒนา
ผสมผสานกับการนวด จนต่อมาได้รับความนิยมไปทั่วโลก
รวมทั้งเมืองไทยของเราด้วย
ซึ่งในปัจจุบันในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาได้รับการยอมรับ อโรมาเทอราปี (Aromatherapy)
ในฐานะที่เป็นการรักษาอีกรูปแบบหนึ่งโดยให้ผลการรักษาทั้งทางร่างกายและจิต
ใจ นอกจากนี้ยังพบว่าหลายประเทศในยุโรปต่างก็มี
สถาบันสำหรับการสอนและฝึกอบรมด้านนี้ เช่น เยอรมัน อังกฤษ ฝรั่งเศส
•ในเมืองไทยเราเอง "อโรมาเทอราปี" (Aromatherapy)
ก็มีแนวโน้มที่ดีเช่นกัน สำหรับผู้ที่สนใจจะดำเนินการธุรกิจสุขภาพ
หรือผู้ที่ดำเนินการอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะเป็นศูนย์สุขภาพที่ตั้งเป็นโครงการเดี่ยว
ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโรมแรม ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาล
ศูนย์สุขภาพที่ตั้งอยู่ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
และศูนย์สุขภาพกึ่งรีสอร์ท ตลอดจนเกษตรกรผู้ปลูกพืชเศรษฐกิจน้ำมันหอมระเหย
และธุรกิจสกัดน้ำมันหอมระเหย จึงน่าจะหันมาจับธุรกิจนี้อย่างจริงจง
นอกจากจะเพื่อสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการแล้ว
ยังจะช่วยยกระดับให้เมืองไทยของเรากลายเป็นศูนย์กลางธุรกิจ อโรมาเทอราปี (Aromatherapy) ได้อีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น